เขียนโดย Administrator
|
วันอังคารที่ 08 มกราคม 2013 เวลา 01:29 น. |
บทเจริญสมาธิภาวนาที่สำคัญที่สุด คือ ทำจิตให้มีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก
วิธีการ : เราสวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตาเสร็จ นั่งขัด สมาธิกำหนดสติรู้จิตของเรา ความรู้สึกอยู่ที่ไหน กำหนดรู้ที่นั่นถ้าจิตของเราอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้มันนิ่งไปถ้ามันคิดปล่อยให้มัน คิดไป เราเอาสติตัวเดียวกำหนดตามรู้เรื่อยไปไม่ต้องไปนึกถึงอะไรก็ได้
เมื่อเรากำหนดสติรู้จิตของเราพั้บลงไปนั่น! พระพุทธ-เจ้าเกิดขึ้นที่จิตของเราแล้วเพราะว่าสติรู้ที่จิต เป็นจิตพุทธะ
ทีนี้ ในบางช่วงจิตของเรามันก็นิ่ง นิ่งอยู่นานๆ นิ่งจนรำคาญ ปล่อยให้มันนิ่งไป แต่ถ้าบางทีมันคิด คิดจนรำคาญ ปล่อยให้มันคิดไป แต่ให้มีสติกำหนดตามรู้เรื่อยไป อย่าไปห้ามมัน มันอยากหยุด ให้มันหยุด มันอยากคิด ให้มันคิด ให้ปฏิบัติกันอย่างนี้
เราเรียนจบปริญญามาแล้ว เราเคยปฏิบัติสมาธิมาแล้วกับการเรียน ไม่มีสมาธิ เรียนจบปริญญามาได้อย่างไร เวลาเราเรียน เราวิจัยวิชาความรู้วิจัยงานอันเป็นหน้าที่ของนักศึกษา เราคิดวกไปเวียนมา นั่น! เรากำลังปฏิบัติสมาธิวิปัสสนา เมื่อเราเผลอๆ จิตว่างลงนิดหนึ่งแล้วก็ไหวตัวแว๊บความรู้ที่เราต้องการรู้มันโผล่ขึ้นมา นั่นคือปัญญาในสมาธิหรือสมาธิปัญญา เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปสงสัยข้องใจว่า เราจะปฏิบัติแบบไหน สมาธิแบบไหนนั่งกำหนดจิตให้มันรู้จิตตัวเองอยู่นั่นถ้ามันคิด ปล่อยให้มันคิดไป มันไม่คิดไปไหนหรอก คิดไปในวิชาความรู้ที่เราเรียนมา ให้มันคิดไป แต่ให้มีสติรู้ว่ามันคิด ในขณะนั้นอย่าไปช่วยมันคิด ถ้ามันคิดเองปล่อยไปเลย
อันนี้เป็นหลักของการปฏิบัติสมาธิตามหลักธรรมชาติ ไม่ต้องไปฝืนจิต ไม่ต้องไปบังคับจิต ไม่ต้องไปบังคับให้มันอยู่ กับ พุทโธ สัมมาอรหัง ยุบหนอ-พองหนอ ในเมื่อจิตมันคิดไป เรารู้ตัว รู้ๆๆๆ ตามไปนี่ จิตของเราคิดไปกับพุทโธ สัมมา-อรหัง คือ ผู้หมดกิเลสรู้พร้อม ในเมื่อจิตของเรามันคิดไปๆ จิตของเราเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย ไม่อิจฉาตาร้อน มันก็เป็นจิตสัมมาอรหัง
เวลาเราหายใจ เราก็กำหนดรู้อยู่ รู้อยู่ที่จิต เราก็รู้ว่าเรามีลมหายใจขณะนั้นเราหายใจเข้า ท้องเราก็พองออกมาหายใจออก ท้องมันก็ยุบลงไป ไม่ต้องไปว่า พอง-ยุบ มันก็รู้อยู่ว่ามันพองมันยุบ
เพราะฉะนั้น อย่าไปกังวลอะไรทั้งสิ้น กำหนดสติรู้จิตเพียงอย่างเดียว
|