หน้าที่ที่ให้ความปลดปล่อย |
|
|
|
เขียนโดย Administrator
|
วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2013 เวลา 02:17 น. |
การมาอบรมในครั้งนี้ ได้รับคำสั่งให้มา และคิดว่ามาทำหน้าที่ที่ได้มอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปเหมือนการถูกส่งให้ไปอบรมทั่วไป แต่ครั้งนี้ ความรู้สึกของการทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นความดีใจและภูมิใจที่ได้มา ครั้งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมครั้งแรกที่ทำแบบจริงจัง รู้สึกมีความสุข สงบ จิตได้พัก เพราะเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว ตั้งแต่บิดาซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิต และมีการแยกทางกับสามีเมื่อ ๒ ปีก่อน จึงต้องทำงานหนักมาก เพื่อครอบครัว เพื่อลูก และเพื่อชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตที่ยังอยู่ในวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด (รัก โลภ โกรธ หลง) ความวิตกกังวล ห่วงและบ่วงที่ผูกมัดอยู่นาน รู้สึกจะคลายๆ เบาบางลง... ได้ปล่อยวางและปลดปล่อยออกไปบ้าง... ถึงจะบางส่วน แต่ก็รู้สึกดี
บ่วงที่ผูกมัด... ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งรัด ให้รู้สึกเป็นทุกข์ อึดอัด เหนื่อยกาย ห่วง.. จิตที่เป็นห่วง.. กังวลกับสิ่งที่เคยผิดพลาด.. จึงวางแผนเพราะกลัวเดินผิดพลาดอีก.. จึงเกิดห่วง.. เหนื่อยใจห่วงแม่..ห่วงลูก..ห่วงงาน..ห่วงสุขภาพตัวเอง.. จิตจึงสับสน.. ไม่เคยได้หยุดพัก.. เพราะห่วง.. เมื่อได้มาปฏิบัติธรรม ณ วัดวะภูแก้วแห่งนี้ จากหน้าที่ กลับกลายเป็นปลดปล่อย.. เบาบาง..คลายทุกข์..ลงบ้าง จนนึกขึ้นได้ในสิ่งที่พ่อผู้ล่วงลับแล้วเคยสอนสิ่งดีๆ ในการดำเนินชีวิตไว้ พ่อเคยสอนว่า อย่าตึงเกินไป ชีวิตจะเป็นทุกข์ อย่าหย่อนเกินไป ชีวิตจะไร้สาระ ไม่มีใครย้อนเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งที่เราทำไปแล้วได้ ดังนั้น ก่อนจะทำอะไรคิดให้ดีเสียก่อน ถ้าคิดจะทำแล้วก็ทำให้ดีที่สุด เท่าที่เราทำได้ ทำให้ดีที่สุด คำสอนเหล่านี้ของพ่อ คำสอนของพระพุทธองค์ที่ให้เดินสายกลาง ด้วยชีวิตที่ต้องดิ้นรน ทำให้หลงลืมไป... ขอบพระคุณการอบรมในครั้งนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นแสงแห่งธรรม สัจธรรมในชีวิต และข้อคิดต่างๆ ที่จะนำไปดำเนินชีวิตต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีบ่วงและห่วงแห่งกรรมอยู่ แต่กลับไม่รู้สึกทุกข์แล้ว เพราะคิดว่าทุกอย่างเกิดจากเหตุและมีผลตามมา จะพยายามระงับเหตุที่เกิดโดยมีสติควบคุมอารมณ์ เมื่อมีสมาธิปัญญาก็จะเกิด เดินสายกลางทุกอย่างก็จะไม่ทุกข์ คิดดีทำดีจิตใจก็จะสงบและเป็นสุขแล้ว ครูวีระวรรณ หร่ายขุนทด โรงเรียนสายมิตรโชคชัย ๓ อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
|