เขียนโดย Administrator
|
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2014 เวลา 06:38 น. |
 หลวงพ่อเคยทดลองดูอันหนึ่ง เรื่องกายคตาสติ วันนั้นเดินจงกรมบนดาดฟ้าเกือบทั้งวัน พิจารณาแต่เรื่องกายคตาสติ เริ่มต้น เกสา ผม เกิดอยู่บนศีรษะ ผมของฉันไม่หงอกไม่ขาว ยังหนุ่มแน่นอยู่เสมอ ประโยชน์ของผม ก็คือปิดบังความหนาวและ ความร้อน รากผมที่เกิดของผมเป็นท่อทางระบายสิ่งโสโครกออกจาก ร่างกาย ทำให้สุขภาพร่างกายของฉันแข็งแรงสมบูรณ์ ขน ขนของฉันก็เป็นเครื่องประดับกายของฉันให้ครบถ้วนอาการ ๓๒ ประโยชน์ของขน ก็คือเป็นท่อทางระบายเหงื่อไคลออกมา ระบายสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย มีแต่พรรณนาคุณประโยชน์ มีแต่ความดี ตลอดอาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ม้าม หัวใจ ตับ ปอด หัวใจของฉันก็แข็งแรงมาก มีฤทธิ์ มีอิทธิพล สามารถสูบฉีดโลหิตแดงทุกหยาดกระจายไปเลี้ยงร่างกายให้ทั่วถึง ไม่มีขาดตกบกพร่อง ปอดของฉันก็ฟอกโลหิตที่หัวใจฉีดไปบำรุงเลี้ยงร่างกายแล้วเป็นโลหิตเสียเข้าไปสู่ปอด ฟอกโลหิตให้มีความบริสุทธิ์สะอาดแล้วถ่ายเทเข้าไปยังหัวใจ หัวใจก็ฉีดส่งไปเลี้ยงร่างกาย ปอดมีหน้าที่ สูดออกซิเจนเข้าไปบำรุงเลี้ยงร่างกาย ทำให้สุขภาพร่างกายของฉันแข็งแรงสมบูรณ์ รับประทานอาหารได้ นอนหลับอย่างเป็นสุข อวัยวะต่างๆ ก็ว่าไปตามหน้าที่ พอไปๆ ตัวที่พิจารณาอยู่มัน ก็พิจารณาอยู่ อีกตัวหนึ่งมันก็จ้องมองดูอยู่ อีกตัวหนึ่งมันมานิ่งเฉย อยู่ในท่ามกลางของร่างกาย มันนิ่งอยู่เฉยๆ มันกลายเป็น ๓ มิติ ทีนี้ บางทีเรามานั่งสมาธิ พออารมณ์จิตเกิดขึ้น มันปรุงมัน แต่ง มันปรุงมันแต่ง เราปล่อยไป กำหนดตามรู้ๆๆๆ ไป ไปถึงจุด หนึ่งมันก็แยกเป็น ๓ มิติ ตัวคิด คิดไม่หยุด ตัวเฝ้าดู ก็ดูอยู่ ตัว นิ่งเฉยอยู่ก็มี หลวงพ่อจึงมาสันนิษฐานและตัดสินเอาเองว่า : ตัวคิดไม่หยุด คือ จิตเหนือสำนึก ตัวเฝ้าดู คือ สติผู้รู้ ตัวนิ่งเฉยอยู่ คือ จิตใต้สำนึก ตัวคอยเก็บผลงาน มันก็มาได้ความอย่างนี้ หลักสูตรของเรา ที่มาพิจารณาให้เป็นของปฏิกูล น่าเกลียด โสโครก หลวงพ่อพิจารณาไป มีแต่สวยแต่งามแต่ดีหมด ทดลองดู! แล้วก็ไปได้คติจากป๋าไมเคิล ที่ครูบาอาจารย์สอนให้พิจารณาร่างกายให้เป็นของปฏิกูล น่าเกลียด เน่าเปื่อยผุพัง ไปแช่งมัน มันจะตายอยู่แล้ว มันจะเน่าอยู่แล้ว ไปแช่งมันทำไม ต้องปลุกให้มันตื่นขึ้นมา ให้มันมีแต่ดีๆ หลวงพ่อก็จำคำนั้นมาลองพิจารณาดู
|
แก้ไขล่าสุด ( วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2014 เวลา 06:44 น. )
|