ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ต้องทำอย่างพระพุทธเจ้า |
|
|
|
เขียนโดย Administrator
|
วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 03:38 น. |
ธรรมะที่พระพุทธเจ้ามาสอนเรานี่ มันเรื่องส่วนตัวของพระองค์ พระองค์สอนว่า สิ่งนี้เป็นบาปนะ อย่าทำ มันตกนรก พระองค์เคยทำบาปอย่างนี้ ลงนรกมาแล้วแต่ชาติก่อนโน่น สิ่งนี้เป็นบุญ ทำแล้วขึ้นสวรรค์ พระองค์เคยทำบุญอย่างนี้ ขึ้นสวรรค์มาแล้ว การบำเพ็ญสมาธิ บำเพ็ญตบะ ได้สำเร็จฌาน ตายแล้วไปเกิดเป็นพระพรหม พระองค์เคยบำเพ็ญฌาน เกิดเป็นพระพรหมมาแล้ว ในชาตินี้ หลักของการบำเพ็ญของพระองค์นั้น พระองค์บำเพ็ญศีล ทำกายให้เป็นปกติ คือ นั่งสมาธิหลับตา ทำวาจาให้เป็นปกติ คือไม่พูด นั่งนิ่งๆ พูดก็ไม่พูด กระดุกกระดิกก็ไม่กระดุกกระดิก ทำใจให้นิ่งๆ ในเมื่อ ๓ อย่างนี้มันนิ่งได้ กายก็ปกติ วาจาปกติ ใจปกติ เป็นศีล ทีนี้ ความปกตินี่มีพลังเข้มแข็งมั่นคง เป็นสมาธิ ในเมื่อสมาธิบังเกิดขึ้นกับจิตของท่านผู้ใด จิตใต้สำนึกตื่นขึ้นมา เป็นปัญญา สามารถรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่เราต้องการ พระองค์ได้บำเพ็ญสำเร็จมาแล้ว แล้วก็มาสอนเรา เพราะฉะนั้น ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนี่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพระองค์ ปาณาติปาตา เวรมณี อย่าฆ่าสัตว์เด้อ ฆ่าสัตว์แล้วมันตกนรก พระองค์เคยฆ่าสัตว์ตกนรกมาแล้ว เพราะฉะนั้น พระองค์จึงมารวบรวมและประมวลข้อปฏิบัติ เพื่อให้คนทั้งหลายเข้าใจง่ายๆ แล้วยึดเป็นหลักปฏิบัติได้เลย คือ ศีล ๕ เพราะฉะนั้น ใครจะเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ต้องยึดหลักอย่างนี้ พระพุทธเจ้าฆ่าไม่เป็น อย่าไปฆ่า พระพุทธเจ้าขโมย ฉ้อโกง จี้ปล้นไม่เป็น อย่าไปทำอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่ไปขโมยลูก ขโมยเมีย ขโมยผัวใคร ไม่ไปขโมยลูกแส้ลูกสาวใคร ไม่ขโมยลูกชายใคร ก็อย่าไปทำอย่างนั้น พระพุทธเจ้าไม่โกหกหลอกลวง อย่าไปโกหกหลอกลวง พระพุทธเจ้าไม่กินน้ำดองของเมาหรือยาเสพติด ไม่อิจฉาตาร้อน เราก็อย่าไปทำอย่างนั้น อันนี้คือหลักที่เราจะประพฤติตามแนวทางของพระพุทธเจ้า เช่น การงดเว้นจากการทำบาป เป็นการปิดประตูนรก ถ้าปฏิบัติได้ ประตูนรกปิด เอาฆ้อนเดินไปตี มันก็ไม่เปิดรับเราหรอก ถ้าเราปฏิบัติได้ แต่ถ้าหากว่าเราละเมิดข้อใดข้อหนึ่ง มันเป็นบาป เรายังเดินไปไม่ถึง ประตูนรกมันเปิดอ้าคอยรับเราอยู่แล้ว
|