ถวายวิสัชนาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พิมพ์
เขียนโดย Administrator   
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 11:47 น.

 
หลวงพ่อพุธ  ฐานิโย

          คราวหนึ่งไปที่หัวหิน มีรับสั่งให้ไปสนทนาธรรมโดยเฉพาะ เข้าไปสู่ที่เฝ้า ในหลวงก็รับสั่งว่า


          “คราวนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของสมเด็จฯ เป็นผู้เรียนถาม”     พอได้เวลา สมเด็จฯ ท่านก็เริ่มต้นด้วยโครงการศิลปาชีพของ พระองค์ โดยทรงปรารภขึ้นมาว่า


          “ดิฉันไปแนะนำให้ชาวบ้านเขาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม บาปไหม พระบางองค์ท่านบอกว่าขอบิณฑบาตเสีย มันเป็นบาป  พระคุณเจ้า    จะเห็นว่าอย่างไร”

           หลวงพ่อก็ไม่ถวายพระพรท่านตอบว่าบาปหรือไม่บาป  ก็เลย ถวายเป็นกลางๆ ไป


           “พระมหาบพิตรเป็นผู้ทรงดำรงอยู่ในฐานะที่เป็นพระมารดา ของปวงชน  หน้าที่การอบรมสั่งสอน ถ้าผู้ที่เป็นมารดามีหน้าที่อบรม     สั่งสอนให้กุลบุตรกุลธิดาได้รู้จักการประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพ       อะไรที่มันจะเกิดประโยชน์ก็ต้องแนะนำพร่ำสอนไปตามแนวทางที่    คิดว่ามันเป็นการถูกต้อง  เช่นอย่างทรงแนะนำให้เขาปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ก็เป็นคำแนะนำอันหนึ่ง  ในเมื่อเขาทำลงไปแล้ว เขารู้จัก เอาประโยชน์ของเขาเอง  ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า อย่าไปช่วยเขาต้ม ตัวหม่อนตัวไหมในหม้อน้ำร้อน”

           ท่านก็รับสั่งว่า “อย่างนั้นไม่เคยทำ”


          “ถ้าไม่เคยทำก็ไม่เป็นบาป แค่แนะนำให้เขาทำอย่างนี้ๆ พอ เขามองเห็นประโยชน์ที่จะพึงได้  เขารู้จักเอาประโยชน์ของเขาเอง อาตมภาพขอถวายพระพรว่าไม่เป็นบาป  เช่นเดียวกับอาตมภาพ เป็นนักเทศน์ ไปเทศน์ที่ไหน ใครต้องการผลประโยชน์ในปัจจุบัน ให้ ยึดหลักธรรม ๔ ข้อเป็นหลักปฏิบัติ  ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ อุฏฐาน-สัมปทา จงหมั่นขยันในการประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพ  ทีนี้เผื่อ ว่าเวลาไปเทศน์ที่ไหน คนที่มาฟังเทศน์ มีข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า ประชาชน  ในจำนวนคนทั้งหลายเหล่านั้นก็มีอาชีพต่างๆ กัน และในจำนวนคนเหล่านั้นแหละ บางทีอาจจะมีมหาโจรที่ฉกาจที่สุด มาร่วมฟังเทศน์อยู่ด้วย  ในเมื่อเขาฟังเทศน์อาตมภาพแล้วว่า ให้       หมั่นขยันในการประกอบอาชีพตามหน้าที่ของตนเอง เผื่อว่ามหาโจร เขาเกิดความเสื่อมใส นักจี้นักปล้นขยันจี้ปล้น คนลักเล็กขโมยน้อย       ก็ขยันมากขึ้น คนขี้ฉ้อขี้โกงก็เพิ่มการโกงการขี้ฉ้อมากขึ้น  สงสัยว่า อาตมภาพจะตกนรกตายเลย”

          ในหลวงปล่อยก๊ากออกมาเลย ทรงพระสรวลเสียงดังก้องจน ดังลงมาถึงข้างล่าง


          พอถึงเวลา เขาเตือนไว้ว่าเวลาเสวยพระกระยาหาร ๓ ทุ่มครึ่ง พอดูนาฬิกา ๓ ทุ่ม ก็เลยถวายพระพรลา


          พอลงมาข้างล่าง พวกองครักษ์ทั้งหลายที่อยู่ข้างล่างต่างก็ รุมถามกันมา ไปจี้เส้นในหลวงอย่างไรถึงได้ปล่อยก๊ากออกมาอย่าง  แรง ไม่เคยมีนะในประวัติศาสตร์

          ตอนนั้นไปสนทนาอยู่ตั้งแต่ ๑ ทุ่ม จนกระทั่งถึง ๓ ทุ่ม ใช้  เวลา ๒ ชั่วโมง  ไม่ทราบว่าพูดอะไรบ้าง จำไม่ได้ จำได้แค่ตรงนี้