เพราะความโชคดีหรือมีบุญเก่า? |
|
|
|
เขียนโดย Administrator
|
วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2013 เวลา 01:05 น. |

ก่อนหน้านี้ชีวิตหนูค่อนข้างวุ่นวายสับสน ซึ่งเหตุผลหลักเลยคือการเรียนชั้นสูงขึ้นซึ่งหนักมาก ทำให้สภาวะจิตของหนูกลับแย่ลง หนูเคยเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต แต่โตขึ้นแทบจะมองหาเป้าหมายไม่เห็นเลย หนูเคยเป็นคนที่เรียนเก่งมาก กล้าใช้คำนี้เพราะตอน ม.ปลาย หนูอยู่ถึงระดับห้องคิงของเตรียมอุดมศึกษา แต่ด้วยปัญหาชีวิตมากมายที่ถาโถมเข้ามาหาแบบไม่ทันตั้งตัวและมาหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน สภาวะจิตตอนนั้นก็แย่พอแล้ว จนสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยติดแพทย์รามาฯ ถือเป็นการประคองตัวเองจนประสบความสำเร็จ
ในชั้นปี ๑ ชีวิตการเรียนค่อนข้างสบายจึงไม่ค่อยเครียด หรือให้พูดตามความจริงคือแทบไม่เรียน ไม่ใช่ไม่มีเรียน แต่หนูไม่ไปเองเพราะเบื่อกับหนังสือเหลือเกิน แทบเรียกได้ว่าใช้ชีวิตเสเพลไม่ต่างอะไรกับการพักร้อนยาวๆ ๑ ปีเต็มๆ เลย เมื่อขึ้นปี ๒ การเรียนวิชาแพทย์หนักอย่างที่ใครๆ เขาบอกจริงๆ จากที่เคยเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง ทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงอดีตไปหมด เพราะไม่ว่าหนูจะเรียนหรือตั้งใจแค่ไหนก็ทำได้ไม่ดีมาก ต่อให้ทำมาก ผลกลับน้อย ยิ่งทำ ยิ่งคิด ยิ่งแย่ ตอนนั้นหนูมองหาที่เกาะที่ยึดว่าควรทำอย่างไรดี พยายามคิดว่าเป็นเพราะอะไร คำตอบที่ได้คือ "เราไม่มีสมาธิเลย" แม้เราจะเข้าเรียน มือจด แต่จิตเราไปอยู่นอกห้อง จนวันหนึ่ง อ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่พบว่าตัวเองอ่านไม่ได้เลย จิตว้าวุ่นไปหมด เลยวางหนังสือเข้าอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือความโชคดีของหนู ได้ดู ดร.ดาราวรรณ ฟังแล้วเกิดรู้สึกว่าชอบความคิดที่อาจารย์ถ่ายทอดออกมามาก จึงไปค้นหาข้อมูลอาจารย์ในกูเกิลแล้วโทรศัพท์เล่าให้คุณพ่อฟังเพื่อขออนุญาตมา แล้วก็ได้มาจริงๆ การนั่งสมาธิวันแรก ยกแรก โอ้โห! เจ็บขาอย่างนี้ ก็นึกในใจว่าเราคงไม่มีโอกาสรู้จักคำว่าสมาธิกระมัง แล้วต้องอยู่อีก ๔ วันเราจะไหวไหมนี่แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ยืนยันคำพูด ที่ว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ได้ผลจริงๆ ทุกครั้งที่เจ็บ หนูจะพยายามบอกกับตัวเองว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร เป็นการเตือนตัวเองอยู่ตลอด ดร.ดาราวรรณบอกให้ลองอดทน อดทน บริกรรมถี่ๆ เดี๋ยวก็หายเมื่อย ให้จดจ่อเอาความจริง แรกๆ พยายามทำตามที่อาจารย์บอก ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ จนสุดท้ายก็ดีขึ้น ทำได้นานขึ้นมากขึ้น และมากสุดตอนยกที่พูดเรื่องแม่ น้ำตาหนูไหลไม่หยุด คิดแล้ว คิดทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าการเอาใจจดใจจ่อกับเรื่องนี้จะทำให้เรามีสมาธิมากแบบบอกได้เลยว่ากายสบายอย่างที่อาจารย์บอกเป็น อย่างไร จนวันนี้วันสุดท้ายขอบอกว่าหนูมีสมาธิดีขึ้นมากเลยค่ะ คุณพ่อยังชม อาจยังไม่มากมายแต่เทียบกับตัวเองแล้ว คุ้มค่าจริงๆ ที่มา นี่คงเป็นบุญเก่าของหนูสินะที่ทำให้หนูได้มาที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ขอบคุณนะคะที่ทำให้หนูได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง ขอบคุณมากกับสิ่งที่ให้ เรื่องบางเรื่องแม้มีเงินมากมายก็ซื้อไม่ได้จริงๆ หนูจะนำทุกคำสอนไปปฏิบัติ จะพยายามนำการฝึกสมาธิไปฝึกให้ตัวเองมีสมาธิมากกว่านี้ยิ่งๆ ขึ้นไป หนูจะเป็นคุณหมอที่เก่งและมีคุณธรรมอย่างที่อาจารย์ทุกท่านได้สั่งสอนไว้ แล้วหนูหวังว่าอาจารย์จะไม่ลืมว่าที่คุณหมอคนนี้ น.ส. วรัมพา รุจิดำเกิงศักดิ์ (ผู้อบรมสมทบ) นักศึกษาแพทย์ปี ๒ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร
|